แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

รู้หรือไม่ ราฟเฟิลเซีย คืออะไร ?

ราฟเฟิลเซีย คืออะไร

ราฟเฟิลเซีย คืออะไร ดอกไม้ชนิดนี้ มีลักษณะโดดเด่น และแตกต่างจากพืชทั่วไปอย่างชัดเจน จุดเด่นของมันมีหลายประการ ที่ทำให้เป็นหนึ่ง ในดอกไม้ที่น่าทึ่ง และหายากที่สุดในโลก

ดอกราฟเฟิลเซีย มีชื่อเรียกภาษาไทย

ดอกราฟเฟิลเซีย มีชื่อไทยว่า ดอกบัวผุด เป็นดอกไม้กาฝากขนาดใหญ่ ที่พบในป่าฝนเขตร้อน โดยเฉพาะใน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และภาคใต้ของไทย เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี [1]

แม้ว่าจะถูกเรียกว่า ดอกบัวผุด แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้มี ความเกี่ยวข้องกับดอกบัวเลย ชื่อนี้มาจากลักษณะของดอกตูม ที่คล้ายกับดอกบัว โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ก่อนที่จะบาน เป็นดอกขนาดใหญ่

ลักษณะราฟเฟิลเซีย

  • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rafflesia kerri [2]
  • ขนาด : ดอกสามารถ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ได้ตั้งแต่ 40 เซนติเมตร จนถึง 1 เมตร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ บางชนิดสามารถมีน้ำหนัก มากกว่า 10 กิโลกรัม
  • ไม่มีลำต้น ใบ และราก : ราฟเฟิลเซียเป็นพืชกาฝาก ที่อาศัยอยู่บนเถาวัลย์ ในสกุล Tetrastigma โดยดูดสารอาหาร จากพืชเจ้าบ้านโดยตรง
  • กลีบดอก : มี 5 กลีบ ที่หนาและแข็งแรง สีของดอก มักเป็นแดงส้ม หรือ น้ำตาลอมแดง พร้อมลวดลายจุดสีขาว ที่เป็นเอกลักษณ์
  • โครงสร้าง : ใจกลางของดอก มีโครงสร้างคล้ายกะละมังลึก ที่เรียกว่า “ดิสก์” (disk) ล้อมรอบด้วยหนามขนาดเล็ก

วงจรชีวิตของราฟเฟิลเซีย เป็นอย่างไร ?

ราฟเฟิลเซียเป็นดอกไม้ ที่มีช่วงชีวิตสั้นมาก เมื่อบานแล้วจะอยู่ได้เพียง 5 – 7 วันเท่านั้น ก่อนที่กลีบดอกจะเริ่มเปลี่ยน เป็นสีน้ำตาลและค่อยๆ เน่าไป หากการผสมเกสรสำเร็จ ดอกจะพัฒนาเป็นผล ที่มีเมล็ดขนาดเล็กนับพัน ซึ่งจะรอให้สัตว์ในป่า ช่วยกระจายต่อไป

วงจรนี้ทำให้ราฟเฟิลเซีย เป็นดอกไม้ที่หายาก และพบเห็นได้ยากในธรรมชาติ เนื่องจากต้องอาศัยเงื่อนไขเฉพาะ ของป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์ และเถาวัลย์เจ้าบ้านที่เหมาะสม นี่คือเหตุผลที่มันกลาย เป็นหนึ่งในดอกไม้ ที่น่าทึ่งที่สุดของโลก

กลิ่นราฟเฟิลเซีย ที่ต้องรู้

ราฟเฟิลเซีย คืออะไร

ดอกไม้ที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง กลิ่นของมันคล้ายกับ ซากเน่า หรือ เนื้อที่กำลังเน่าเปื่อย ซึ่งอาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเข้าใกล้ กลิ่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นกลไกที่ธรรมชาติ ออกแบบมา เพื่อดึงดูดแมลง เช่น แมลงวันและแมลงปีกแข็ง ให้เข้ามาช่วยผสมเกสร

เมื่อดอกบานเต็มที่ กลิ่นเหม็นจะเริ่มแพร่กระจาย ออกมาแรงที่สุด ในช่วง 1 – 2 วันแรก จากนั้นจะค่อยๆ จางลงไปตามอายุของดอก แมลงวันซึ่งปกติจะถูกดึงดูด โดยซากสัตว์เน่า จะบินเข้ามาเกาะ และสำรวจด้านในของดอกไม้ ซึ่งเป็นบริเวณที่อับชื้น

ที่มา: Rafflesia: Known as the ‘corpse flower’ [3]

ราฟเฟิลเซียมีความพิเศษด้านใด ?

  • พืชกาฝากที่ไม่สังเคราะห์แสง : เพราะไม่มีใบหรือราก ที่ใช้ในการสังเคราะห์แสง แต่เป็นพืชกาฝาก ที่อาศัย การดูดซึมสารอาหาร จากรากของเถาวัลย์ ซึ่งทำให้มัน ไม่ต้องพึ่งพากระบวนการสังเคราะห์แสง เหมือนพืชทั่วไป
  • ความท้าทายในการศึกษา : การศึกษาราฟเฟิลเซีย ถือเป็นเรื่องท้าทาย เพราะมันเป็นพืช ที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ง่าย ในที่ที่ไม่ใช่แหล่งธรรมชาติ การศึกษาวงจรชีวิต และพฤติกรรมของมัน ยังคงเป็นความท้าทาย สำหรับนักวิทยาศาสตร์
  • ความสำคัญทางนิเวศวิทยา : ราฟเฟิลเซียเป็นส่วนหนึ่ง ของระบบนิเวศ ที่ซับซ้อนในป่าดิบชื้น การรักษาพันธุ์ของมัน จึงมีความสำคัญ ไม่เพียงแค่อนุรักษ์พืชหายาก แต่ยังช่วยรักษาสมดุล ของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ

ดอกราฟเฟิลเซีย กินได้ไหม ?

  • ดอกของมัน : มีกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า เพื่อดึงดูดแมลงวันมาผสมเกสร ซึ่งทำให้มัน ไม่น่ารับประทาน
  • หลังจากบาน : ราฟเฟิลเซียจะเริ่มเน่าอย่างรวดเร็ว เนื้อเยื่อของมัน ไม่เหมาะกับการนำมาประกอบอาหาร
  • สารอาหาร : จากเถาวัลย์ Tetrastigma ทำให้มีองค์ประกอบ ทางเคมีที่ไม่เหมือนพืชทั่วไป และอาจมีสารที่ ไม่เหมาะกับการบริโภค

ในบางพื้นที่ของอินโดนีเซีย รากของเถาวัลย์ที่เป็นพืช เจ้าบ้านของราฟเฟิลเซีย อาจถูกนำมาใช้เป็นยาแผนโบราณ แต่ตัวดอกเอง ไม่ถูกนำมาใช้เป็นอาหาร

สรุป ราฟเฟิลเซีย คืออะไร

สรุป ราฟเฟิลเซียคืออะไร ตัวอย่างที่ดีของพืช ที่มีความพิเศษทางชีววิทยา ทั้งในด้านขนาด กลิ่น พฤติกรรมการขยายพันธุ์ ที่แตกต่างจากพืชอื่นๆ ในโลก และสามารถคลิกดูบทความคล้ายๆ กัน เช่น จันทน์แดง ไม้มงคล

นิยมนำมาปลูก เพื่อความสวยงามหรือไม่ ?

ไม่ควรถูกนำมาปลูก เพื่อความสวยงาม เนื่องจากมีวงจรชีวิตสั้น และ กลิ่นเหม็น ที่ไม่เหมาะกับการปลูกในสวนทั่วไป นอกจากนี้ มันเป็นพืชกาฝาก ที่ต้องการแหล่งที่อยู่อาศัยเฉพาะ จึงไม่ง่ายที่จะปลูกในพื้นที่ ที่ไม่ใช่ถิ่นกำเนิด

ทำไมราฟเฟิลเซีย ใกล้สูญพันธุ์ ?

ใกล้สูญพันธุ์เพราะทำลายป่า และสูญเสียที่อยู่อาศัย ทำให้แหล่งอาศัย ของพืชหายไป ซึ่งการขยายตัวของการเกษตร และตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อการเจริญเติบโตของมัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง