แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ความลับแห่งพงไพร ว่านเพชรหึง สรรพคุณ

ว่านเพชรหึง สรรพคุณ

ว่านเพชรหึง สรรพคุณ เป็นหนึ่งในพืชวงศ์กล้วยไม้ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และน่าหลงใหล ด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก รูปทรงที่สง่างาม ทำให้ได้รับความสนใจ จากนักสะสมไม้ดอก ไม้ประดับทั่วโลก

ที่มาของชื่อ ว่านเพชรหึง

เรื่องราวที่กล่าวถึง ในตำรากบิลว่าน เกี่ยวกับว่านเพชรหึงนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่ง ของความเชื่อ ตำนานที่ถูกสร้างขึ้น เพื่ออธิบายพฤติกรรมของพืช และความสัมพันธ์กับธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องของ “ลมเพชรหึง” และการเคลื่อนไหว ของดอกที่คล้ายงูโยกหัว รวมถึงเสียงที่คล้ายจุดประทัด เมื่อพายุใหญ่พัดมา

ตามตำรา ว่านเพชรหึงนั้น จะมีลักษณะพิเศษ ในช่วงเวลาที่พายุใหญ่เข้ามาใกล้ โดยก้านดอกของมัน จะส่ายไปมา เหมือนกับการเคลื่อนไหวของงู และเมื่อพายุพัดมา ดอกของว่านเพชรหึง ก็จะหายไปพร้อมกับพายุ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญญาณ ที่บ่งบอกถึง การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

เพชรหึง พบในประเทศใด

พืชที่พบในเขตร้อน และมีการกระจายพันธุ์ ในหลายประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เกาะนิวกินี (ในภูมิภาคปาปัวนิวกินี), ประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศมาเลเซีย, และ ประเทศฟิลิปปินส์ [1]

ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศร้อนชื้น เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของพืชประเภทนี้ นับว่า เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยขนาดใหญ่ ที่สามารถเติบโตได้ถึง 3 – 5 เมตร

ลักษณะว่านเพชรหึง

  • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grammatophyllum speciosum Blume [2]
  • ใบ : ใบของว่านเพชรหึง มีขนาดเล็ก รูปวงกลมหรือรี รูปร่างใบเรียบ และหนา มักจะมีสีเขียวสดใสและมันวาว ซึ่งทำให้มันดูเหมือนมี ประกายเงางาม คล้ายเพชร ใบมักจะเรียงตัวกันแน่น บริเวณก้าน
  • ลำต้น : จะมีลักษณะเล็ก พร้อมยืดหยุ่น ปกคลุมด้วยใบ ที่แน่นหนา ทำให้พืชดูเป็นพุ่มหนาแน่น และมักจะกระจายตัว ไปในพื้นที่ ที่มันเจริญเติบโต
  • ดอก : มีขนาดเล็ก มักจะเป็นสีขาว หรือครีม มักจะบานในช่วงฤดูร้อน อาจพบอยู่ที่ส่วนยอดของต้น ดอกเป็นลักษณะกะทัดรัด มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กๆ

ว่านเพชรหึงปลูกในที่ร่มได้

ว่านเพชรหึง สรรพคุณ

สามารถเจริญเติบโต ในที่ร่มหรือพื้นที่ ที่มีแสงแดดรำไร ซึ่งเหมาะสำหรับ การปลูกในบ้าน หรือในที่ที่แสง ไม่จัดจ้านเกินไป นอกจากนี้ พืชชนิดนี้ชอบสภาพแวดล้อม ที่มีความชื้นสูง และอากาศร้อนชื้น

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้มันเติบโตแข็งแรง หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม เช่น รักษาความชื้น ระบายอากาศที่ดี ว่านเพชรหึงก็จะอุดมสมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้อง รับแสงแดดตรงตลอดเวลา

ว่านเพชรหึงดูแลด้วยวิธีไหน ?

  1. แสงแดด : ชอบแสงแดดมาก อาจปลูกในที่ ที่มีแสงแดดส่องถึง อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน แม้จะทนต่อแสงแดด บางส่วนได้ แต่แสงแดดเต็มที่ จะช่วยกระตุ้น การออกดอก
  2. น้ำ : ชอบความชื้นสูง และชุ่มชื้นสม่ำเสมอ รดน้ำสัปดาห์ละครั้ง หรือเมื่อวัสดุปลูกแห้ง ระวังอย่าให้น้ำขัง เพราะจะทำให้รากเน่า น้ำฝนมีประโยชน์ ต่อว่านเพชรหึง
  3. ปุ๋ย : ให้ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูง เพื่อส่งเสริมการออกดอก ให้ปุ๋ยละลายน้ำ ทุกๆ 2 สัปดาห์ ในช่วงฤดูเจริญเติบโต และเดือนละครั้ง ในช่วงพักตัว
  4. การดูแลทั่วไป : ตัดแต่งใบและลำต้น ที่เป็นโรคหรือแมลงออก หมั่นตรวจดูว่ามีโรค มีแมลงหรือไม่ เมื่อต้องการให้ต้นออกดอก ต้องเลี้ยงแยกไว้ และไม่ขยับต้น จนกว่าจะมีดอก

ที่มา: วิธีปลูกและดูแล [3]

ว่านเพชรหึง สรรพคุณ คืออะไร ?

  • แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย : ใช้รักษาอาการพิษ จากแมลงกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง และงู
  • รักษาโรคผิวหนัง : ช่วยรักษาอาการผื่นคัน มีน้ำเหลือง ใช้รักษาฝีประคำร้อย
  • บำรุงกำลัง : ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ยาอายุวัฒนะได้
  • ลำต้นและก้านใบ : นำมาหั่นบางๆ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปดองกับเหล้าไว้ดื่ม หรือใช้กากที่เหลือ มาพอกแผล
  • ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ : ในบางตำรับยาโบราณ ใช้รากของว่านเพชรหึง ในการช่วยขับปัสสาวะ

สรุป ว่านเพชรหึง สรรพคุณ

สรุป ว่านเพชรหึง สรรพคุณ ที่โดดเด่น นำไปรักษาโรคต่างๆ เช่นเดียวกับ รอบรู้ มะเกลือ แล้วยังเป็นพืชที่เหมาะ สำหรับการปลูกในบ้าน และเป็นทางเลือกที่ดี ในการเพิ่มความสดชื่น ให้กับพื้นที่ภายในบ้าน

ว่านเพชรหึงใช้เวลาเติบโตกี่ปี ?

เติบโตค่อนข้างเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ในการเจริญเติบโตเต็มที่ เมื่อได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ สามารถออกดอกได้ เมื่อมีอายุประมาณ 1 – 2 ปี

ว่านเพชรหึงมีกลิ่นไหม ?

ไม่มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ทั่วไป ดอกของมันมีขนาดเล็ก และไม่มีกลิ่นเด่นชัด อย่างไรก็ตาม หากใบถูกขยี้หรือฉีก อาจมีกลิ่นเขียวอ่อนๆ แบบพืชสด ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ของกล้วยไม้บางชนิด 

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง