
Gashadokuro คืออะไร ผีกระดูกยักษ์ จากเถ้าสงคราม
- SuperBunny
- 11 views
Gashadokuro คืออะไร บทความนี้จะมาตอบคำถามในความสงสัยให้แถลงไข เกี่ยวกับความเชื่อ และ ภูตโยไก ญี่ปุ่น ที่เป็นหนึ่งใน Pop cuture ของญี่ปุ่น โดยเริ่มจากการอธิบายความเป็นมาเป็นไปของมัน ในตำนานแรกเริ่มที่น่าสนใจ พร้อมไปดูลักษณะ ความสามารถ และความสำคัญของตัวนี้ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงการนำมาทำเป็นสื่อต่างๆ อีกด้วย
เป็นโยไกกระดูกยักษ์ในตำนานญี่ปุ่น มีรากฐานมาจากความเชื่อเรื่องวิญญาณอาฆาตของผู้เสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะเหล่าทหารและคนอดอยากที่เสียชีวิตโดยไร้พิธีฝังศพอย่างเหมาะสม วิญญาณของพวกเขาหลอมรวมกันจนกลายเป็นปีศาจโครงกระดูกขนาดมหึมาตำนานของกะชาดกุโระมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ยุคโบราณ และถูกบันทึกในศิลปะญี่ปุ่นหลายแห่ง
ตำนานแรกเริ่ม
ที่มา: Gashadokuro [1]
กะชาดกุโระเป็นโยไกประเภทโครงกระดูกยักษ์ มีขนาดมหึมา สูงถึง 15 เท่าของมนุษย์ปกติ (บางตำนานกล่าวว่าอาจสูงถึง 90 ฟุต) มีรูปร่างเป็นกะโหลกและโครงกระดูกมนุษย์ที่บิดเบี้ยวจากซากศพของผู้ที่เสียชีวิตจากความอดอยากและสงคราม ตำนานบางแหล่งอธิบายว่า กะชาดกุโระจะมีแสงวาววับที่ดวงตาหรือเบ้าตากลวง และมีเสียงกระดูกกรอบแกรบเมื่อมันเคลื่อนไหว
ลักษณะพิเศษ
ตำนานเกี่ยวกับภูตผีและเรื่องลี้ลับมีอยู่ทั่วโลกมาเป็นเวลายาวนาน เป็นไปได้หรือไม่ที่ปีศาจตนนี้จะถูกเรียกด้วยชื่ออื่นหรือปรากฏอยู่ในประเทศอื่นนอกเหนือจากญี่ปุ่น โดยได้มีเว็บไซต์ porcupinebook ที่ได้ทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่า กะชาดกุโระ หรือปีศาจโครงกระดูกยักษ์ เป็นตำนานที่มีเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ก็มีตำนานปีศาจที่คล้ายผีกระดูกกินคนอยู่บ้างดังนี้
อาทาเซีย (Átahsaia)
อาทาเซีย เป็นยักษ์กินคนตามตำนานของชาวซูนิ ชนพื้นเมืองในอเมริกาใต้ โดยถูกจัดให้เป็นปีศาจที่มีรูปร่างใหญ่โต กายละเอียด ผมหงอกขาวฟูคล้ายแผงคอสัตว์ ผิวหนังหยาบกร้านเต็มไปด้วยปุ่มปม ดวงตาเบิกกว้างไม่กะพริบ มีเขี้ยวแหลมโผล่จากปาก และกรงเล็บยาว นอกจากนี้ยังถืออาวุธอันน่าสะพรึงกลัว เช่น ขวานหิน มีดหิน และธนูไม้โอ๊ก
ตำนานเกี่ยวกับอาทาเซียมีอยู่หลายเรื่อง แต่ทั้งหมดล้วนกล่าวถึงความโหดร้ายและกระหายเลือดของมัน ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวาดกลัว พ่อแม่ชาวซูนิมักใช้เรื่องราวของอาทาเซียเพื่อสอนลูกหลานให้เชื่อฟังและระมัดระวังตัว ไม่เช่นนั้นอาจต้องเผชิญกับอันตรายจากอสูรร้ายตนนี้
เวนดิโก (Wendigo)
ปีศาจแห่งพงไพรในตำนานของชนพื้นเมืองอเมริกัน ลักษณะของเวนดิโกนั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง ผอมแห้งจนเห็นกระดูก ตาลึกโบ๋ ริมฝีปากแห้งแตก พร้อมด้วยเขี้ยวและเล็บที่ยาวแหลม อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าราวกับศพ ที่น่าสะพรึงกว่านั้นคือ มันสามารถเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่กินเนื้อมนุษย์
เวนดิโกมักถูกเชื่อมโยงกับเหตุการณ์การหายตัวไปของนักเดินป่าในอเมริกามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ปีศาจในตำนาน แต่ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างความหวาดกลัวและลึกลับจนหลายคนตั้งคำถามว่ามันอาจมีตัวตนอยู่จริง
พิชาชา (Pishacha)
ปิศาจกินคนในตำนานฮินดู เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับจากความเชื่อของศาสนาฮินดูในประเทศอินเดีย ลักษณะของมันน่าสะพรึงกลัว ด้วยผิวคล้ำ ดวงตาแดงก่ำ และเส้นเลือดที่ปูดโปนไปทั่วร่างกาย มันมักจะปรากฏตัวในสถานที่มืดมิด รกร้าง หรือบริเวณเตาเผาศพ แม้ว่าจะไม่มีการระบุที่มาของมันอย่างแน่ชัด แต่เรื่องเล่าต่าง ๆ ล้วนบรรยายถึงความดุร้ายและกระหายเลือดของปีศาจตนนี้
ที่มา: กะชาดกุโระ (Gashadokuro) ตำนานปิศาจโครงกระดูกยักษ์แห่งประเทศญี่ปุ่น [2]
กะชาดกุโระเป็นโยไกที่ได้รับความนิยมในวรรณกรรม ภาพวาด และสื่อบันเทิงของญี่ปุ่น เนื่องจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและความน่าสะพรึงกลัวของมัน อย่างงานภาพวาดที่ปรากฏขึ้นอย่างหลากหลาย อย่างภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดที่เกี่ยวข้องกับกะชาดกุโระคือ “ทาคิยาชะฮิเมะกับโครงกระดูกยักษ์” (Takiyasha Hime and the Skeleton Specter) ผลงานของ อุทากาวะ คุนิโยชิ และอื่นๆ อีกดังนี้
หนึ่งในโยไกที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยนิยมของญี่ปุ่น และยังคงถูกนำมาเล่าใหม่ผ่านงานศิลปะและสื่อบันเทิงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ผลงานของ Utagawa Kuniyoshi ที่แสดงให้เห็นโครงกระดูกยักษ์ที่ถูกเรียกออกมาโดยเจ้าหญิงทาคิยาชะ เพื่อต่อสู้กับศัตรูของเธอ ทำให้ภาพนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับสื่ออื่นๆ ที่นำกะชาดกุโระมาใช้เป็น Pop Cuture ตลอดมา
ตำนานของกะชาดกุโระสะท้อนถึงความกลัวของมนุษย์ที่มีต่อสงคราม ความอดอยาก และความตายที่ไม่มีวันได้รับการปลดปล่อย มันจึงเป็นหนึ่งในโยไกที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของญี่ปุ่น
เข้าไปดูรายละเอียดความสามารถของโยไกตัวนี้เพิ่มเติมได้ที่ postjung
โยไกที่มีรูปลักษณ์เป็นกระดูกยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวของกระดูกและวิญญาณของผู้ที่ตายอย่างอนาถจากสงคราม โดยมักจะมีความแค้นและความโกรธแค้นที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย มันสามารถออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืนโดยเคลื่อนที่เงียบสนิท ตำนานของกะชาดกุโระจึงสะท้อนถึงความกลัว และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธแค้นในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ในปัจจุบันไม่มีรายงานการพบเห็น ผีกระดูกญี่ปุ่น ซึ่งอาจเป็นเพราะเงื่อนไขเฉพาะในการกำเนิดของมัน คือการรวมตัวของโครงกระดูกจำนวนมากที่ถูกทอดทิ้งและถูกลืมเลือน หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองประเทศญี่ปุ่นได้กลับมายืนหยัดในฐานะผู้นำด้านเศรษฐกิจและอาหารการกินที่มีความสะดวกสบาย ทำให้การฝังและเผาศพของผู้เสียชีวิตเป็นไปตามหลัก ซึ่งไม่ทิ้งโครงกระดูกเหลือทิ้งไว้
โยไกตัวนี้มักจะมีขนาดที่ใหญ่โตมาก โดยในบางตำนานบอกว่า มันสามารถสูงถึง 15 เมตร หรือ 50 ฟุต เลยทีเดียว มันจะมีรูปร่างเป็นกระดูกยักษ์ที่ประกอบขึ้นจากกระดูกของคนที่ตายไปในสภาพทุกข์ทรมาน เช่น จากสงครามหรือโรคภัยไข้เจ็บ และพลังของมันมักจะเป็นที่น่ากลัว เอาจริงๆ ก็เหมือนเปรตบ้านเรา แต่สิ่งนี้จะไม่ได้มาขอส่วนบุญแต่อย่างใด